สกินชิพ คืออะไร? ทำไมใครๆก็เสพติด มาหาเหตุผลและข้อดีของอาการนี้กัน

เคยสงสัยไหม ทำไมใครๆก็ชอบบอกว่าเสพติด “สกินชิพ” หลายคนอาจเคยมีความรู้สึกว่า เราสบายใจเวลาที่ได้สัมผัสตัวใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือคนรัก หรือเพศเดียวกัน โดยเฉพาะในผู้หญิง จริงๆแล้ว อาการแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณคนเดียว เพราะจริงๆแล้ว คำว่าสกินชิพ มีทั้งประวัติความเป็นมา และมีงานวิจัยว่าทำไม เราถึงเสพติดการสกินชิพ มาหาคำตอบกันค่ะ

สกินชิพ คืออะไร ?

สกินชิพ (Skipship) คือ การแสดงความรักผ่านการสัมผัส ในรูปแบบต่างๆ หรือที่มาจากคำว่า Skin(ผิวหนัง) กับ Relationship(ความสัมพันธ์) รวมกันเป็น Skinship หรือความสัมพันธ์ผ่านการสัมผัสนั่นเอง โดยการสัมผัสนี้ ไม่จำกัดเพศ จำกัดอายุ ไม่จำกัดความสัมพันธ์ เช่น เราอาจจะชอบกอดเพื่อน เพศเดียวกัน หรือชอบสัมผัสร่างกายแฟน บางคนอาจจะถึงขั้นเสพติด เป็นต้น


Skinship เริ่มมาจากประเทศญี่ปุ่น !!

Skipship อาจจะเป็นคำภาษาอังกฤษ ที่เกิดจากการรวมกันของคำสองคำ ดังที่เรากล่าวไว้ก็จริงๆ แต่ใครจะรู้ว่า จริงๆแล้ว จุดเริ่มต้นของคำนี้ มาจากประเทศญี่ปุ่น เพราะในอดีต คนญี่ปุ่นพูดถึงคำว่า Wasei-eigo และให้ความหมายของคำนี้ โดยพูดถึง การสัมผัสกัน ระหว่างแม่กับลูก

แต่ต่อมา เมื่อคำนี้ได้แพร่เข้าสู้ประเทศเกาหลีใต้ ความหมายของมัน ก็ได้แปรเปลี่ยนไป เป็นความสัมพันธ์ทั่วไป หรือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักได้เช่นกัน อีกทั้งในซีรีย์เกาหลี หรือสื่อบันเทิงต่างๆ มีการพูดถึง สกินชิพ อยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นในรูปแบบของคู่รัก แต่ก็ยังมีความหมายไปในเชิงบวก ความหมายของคำนี้ จึงนิยมใช้กับคู่รัก ในปัจจุบันนั่นเอง


ทำไมเราถึงเสพติดการสกินชิพ ?

จริงๆแล้ว คุณอาจจะไม่ได้เสพติดการสกินชิพ แต่เป็นธรรมชาติของร่างกาย ที่ตอบสนองต่อการสัมผัส โดยมีการวิจัยว่าการสัมผัสทางร่างกายในเชิงสกินชิพนั้น ร่างกายของเราจะผลิตสารเคมี ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท อย่าง โดปามีน (Dopamine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ออกมามากขึ้น ซึ่งสารสองตัวนี้ มีส่วนช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น รู้สึกผ่อนคลายไม่เครียด และลดความกังวล เช่นเดียวกับการกอด ซึ่งจริงๆแล้ว การกอดหรือการโอบก็ถือเป็นสกินชิพรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีผลทำให้ เราลดความตื่นเต้นลง ทำให้ความดันลดลง และลดอัตราการเต้นของหัวใจได้อีกด้วย

นอกจากการวิจัยในเรื่องการสัมผัสแล้ว ในเชิงการรักษาโรค อย่างโรค มะเร็งเต้านม ก็จะมีขั้นตอนการรักษา ในรูปแบบ การนวด หรือบีบ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย และเพิ่มปริมาณสารโดปามีน และเซโรโทนิน ออกมามากขึ้นเช่นกัน

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่หลายๆคน มักจะบอกว่า เสพติดการสกินชิพ เพราะการสัมผัสใครสักคน ที่เราไว้ใจ ทำให้ ระบบประสาทรับความรู้สึกทางกาย’ (Somatic Sensory System หรือ Body Sensing System) ทำงาน และหลั่งสารที่ช่วยให้เราสบายใจออกมานั่นเอง


สกินชิพ มีอะไรบ้าง

หลายคนคงสงสัย ว่าสิ่งที่เราชอบทำคือการสกินชิพหรือไม่ แล้วจริงๆแล้ว สกินชิพ มีอะไรบ้าง ทำแบบไหนจึงจะเรียกว่า สกินชิพ ต้องบอกก่อนว่า สกินชิพ มีจุดเริ่มต้นมาจากการสัมผัส ซึ่งก่อให้เกิดความผ่อนคลาย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสรูปแบบไหน ที่ทำแล้วเกิดความผ่อนคลาย ก็ถือว่าเป็นการสกินชิพได้ เช่นโอบ แตะไหล่ กอด โดนตัว นวด นอนหนุนตัก นอนทับ ซบไหล่ และแม้แต่การจูบ หรือบางคนอาจจะชอบกัด ได้กัดแล้วสบายใจ ก็อาจจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสกินชิพได้เช่นกัน เพราะฟันของเราได้สัมผัสกับผิวหนังของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องถามความสมัครใจด้วยนะคะ


ติด สกินชิพ มีข้อดีไหม

จะเห็นว่า จากที่เราได้รู้จักคำว่า “สกินชิพ” มา จะเห็นว่าการสกินชิพนั้นแทบไม่มีข้อเสียเลย ยกเว้นว่าจะทำให้เราติดอีกฝ่ายมาก หรือเป็นคนที่ห่างจากการสัมผัสไม่ได้ ถ้าแฟนของเราไม่ได้เป็นคนขี้รำคาญ ก็ถือว่าสบายใจได้เลยค่ะ สำหรับคนที่ติดสกินชิพ ดังนั้นสกินชิพไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าอีกฝ่ายโอเค แถมยังส่งผลดีต่อความสัมพันธ์อีกด้วย เพราะส่วนใหญ่แล้ว การสัมผัส ล้วนนำไปสู่ความสบายใจทางกาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนั่นเอง

ข้อดีของสกินชิพต่อความสัมพันธ์

  1. ช่วยปลอบประโลมจิตใจได้ หากคนที่เรารักเสียใจ
  2. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ร่างกายจะปล่อยสารออกซิโทซิน (oxytocin) เมื่อรู้สึกสบายตัว การกอดช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน อัตราการเต้นของหัวใจ ระบบความดัน และยังทำให้หลับสบาย
  3. ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นและส่งผลกับสุขภาพกาย เพราะความเครียด ส่งผลต่อร่างกายในหลายๆด้าน การสกินชิพ มีส่วนช่วยลดความกังวล และความเครียด ความกลัว ลดความเสียงในการเป็นซึมเศร้าได้
  4. เพิ่มความไว้ใจ ทำให้สนิทสนมมากขึ้น การจับมือ หรือถูกตัว ในการเจอกัน ช่วยทำให้คู่รักสนิทสนมได้ไวขึ้น การถูกจับมือขณะพูด หรือฟัง ทำให้รู้สึกสบายใจ และไว้ใจมากขึ้น ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์
  5. ทำให้รู้สึกสงบ และปลอดภัย เช่นการนวด หรือการบีบ หรือสัมผัสตัว ส่งผลดีต่อความรู้สึก ทำให้สบายใจ และสงบ

สรุป : ถ้าเราได้อ่านทั้งหมด จะเห็นได้ว่า สกินชิพ หรือ Skinship นั้นมีประโยชน์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่กับลูก หรือเพื่อนยิ่งถ้าเป็นคู่รักกันแล้ว การที่ฝ่ายใดฝ่ายนึ่ง เสพติดการสกินชิพ ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆเลย เพราะนอกจากทำให้ความสัมพันธ์แนบแน่น ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ และสุขภาพจิตอีกด้วย และอาจจะส่งผลทำให้ชีวิตรักนั้นยืนยาวมากกว่าคู่ปกติที่ไม่ค่อยได้แตะเนื้อต้องตัวกันสักเท่าไร แต่ก็ต้องคำนึงถึงความยินยอมจากอีกฝ่ายด้วย เช่นถ้าแฟนเราเป็นคนขี้รำคาญ ก็อาจจะต้องคุยกัน หรือลดการสัมผัสลงบ้าง หรือหากเป็นเพื่อน ถ้าสนิทกัน คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่สนิท หรือเป็นเพศตรงข้าม อาจจะถูกมองว่าเป็นการรุกรานจนเกินไปได้ หากใครที่เสพติดการสกินชิพ ก็ลองหาคนที่ชอบสกินชิพเหมือนกัน น่าจะฟินมากๆเลยหล่ะค่ะ 🙂

หัวข้อแนะนำใกล้เคียงกับเรื่องนี้

  • ความสัมพันธ์แบบ FWB คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง ต้องหาที่ไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก
tokyoweekender
ดูเพิ่มเติม

ทีมงาน PAKMUD

Pakmud.com เว็บไซต์ที่รวบรวมทุกเรื่องราวที่คนไทยให้ความสนใจ ข้อคิด คำคม แคปชั่น จัดอันดับซีรี่ แนะนำหนังน่าดู รีวิวของน่าใช้ แชร์ รูปภาพ ไอเดียแต่งบ้าน สูตรอาหาร แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว คาเฟ่ แชร์ข่าวสาร สาระ ความรู้ ต่างๆ อัพเดทเทรนด์ฮอตฮิตทั่วโลก ให้คุณไม่พลาดทุกเรื่องราวมาแรง
Back to top button