เทคนิคเขียนเรซูเม่สมัครงานทั่วไปให้โดนใจนายจ้าง
การสมัครงานในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่ “การนำเสนอ” ตัวเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะก่อนที่นายจ้างจะได้รู้จักคุณจากการสัมภาษณ์ สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือ เรซูเม่ เอกสารแผ่นเดียวที่สามารถกำหนดได้เลยว่าคุณจะได้ไปต่อหรือไม่ หลายคนอาจ
มองว่าการเขียนเรซูเม่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วนี่แหละคือ “ด่านแรก” ที่จะพาคุณเข้าใกล้โอกาสในสายอาชีพที่ต้องการ
การเขียนเรซูเม่ถือเป็น “ใบเบิกทาง” สำคัญในการสมัครงาน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังเริ่มต้นเส้นทางอาชีพ หรือคนทำงานที่มองหาความท้าทายใหม่ ๆ สิ่งแรกที่นายจ้างใช้พิจารณาก็คือเรซูเม่ เพราะมันสะท้อนทั้งประสบการณ์ ทักษะ และความเหมาะสมกับตำแหน่งงานได้อย่างรวดเร็ว หากเรซูเม่ของคุณถูกเขียนอย่างชัดเจนและน่าสนใจ ก็จะเพิ่มโอกาสให้คุณก้าวไปถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์ได้ง่ายขึ้น
ผู้จัดการฝ่ายบุคคล 75% มองว่าเรซูเม่คือสิ่งสำคัญของการสมัครงานและใช้เวลา เพียง 6–9 วินาที ในการอ่านเรซูเม่ในรอบแรก ๆ ซึ่งจะใช้สายตาแบบ eye-tracking พบว่าแฟ้มข้อมูลที่สำคัญ เช่น ชื่อ, ตำแหน่งล่าสุด, และวันที่ทำงาน มักถูกโฟกัสในช่วงแรกนี้
70–78% ของบริษัทใช้ระบบ ATS เพื่อกรองเรซูเม่ก่อนที่จะถึง HR เครื่องกรองมักตรวจสอบ คีย์เวิร์ด, ความชัดเจนของตำแหน่งหรือวันที่, ประสบการณ์, และ การจัดรูปแบบที่เหมาะสม
นอกจากนี้เรซูเม่ที่ปรับให้ตรงกับงานมีโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์ 2.1 เท่า เมื่อเทียบกับแบบทั่วไป (จากข้อมูลกว่า 1.39 ล้านการสมัคร) และการใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับประกาศงาน มีโอกาสได้รับการเข้า shortlist สูงถึง 3 เท่า
ดังนั้นแล้ว การทำให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางเนื้อหาให้ชัดเจน เลือกคำที่สื่อถึงตัวตน หรือใส่คีย์เวิร์ดที่ตรงกับตำแหน่ง ทุกอย่างล้วนช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณก้าวผ่านด่านแรกและไปถึงห้องสัมภาษณ์ได้ง่ายขึ้น
ถ้าคุณอยากให้เรซูเม่ของคุณ สะดุดตาและไม่ถูกมองข้าม ลองมาดูเทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่ใช้ได้จริงและเพิ่มโอกาสให้เรียกสัมภาษณ์กันต่อเลย
👋 แนะนำตัวแบบไม่ธรรมดา ทำให้ HR จำคุณได้ตั้งแต่แรกเจอ
1. ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information) 🧑💼
ข้อมูลส่วนตัวเป็นสิ่งแรกที่นายจ้างจะเห็น ควรใส่ให้ครบถ้วนแต่กระชับ
- ชื่อ–นามสกุล: ใช้ชื่อจริงตามบัตรประชาชน
- เบอร์โทรศัพท์ / อีเมล: ใช้อีเมลสุภาพ เช่น [email protected]
หลีกเลี่ยงอีเมลเล่น ๆ - ที่อยู่: ระบุจังหวัดหรือเมือง ไม่จำเป็นต้องละเอียดทุกบรรทัด
- ลิงก์ ThaiJob / Portfolio: ถ้ามี ช่วยให้นายจ้างตรวจสอบผลงานเพิ่มเติม
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล เป็นสิ่งแรกที่นายจ้างมองหาในเรซูเม่ จากการสำรวจพบว่า 99.85% ของเรซูเม่มีข้อมูลส่วนตัวครบถ้วน ขณะเดียวกัน 76% ของ
เรซูเม่ถูกมองข้าม หากมีอีเมลที่ไม่สุภาพหรือไม่เป็นทางการ
นอกจากนี้การสำรวจพบว่า 83% ของผู้สรรหามีแนวโน้มที่จะจ้างผู้สมัครที่มีเรซูเม่จัดรูปแบบดี ขณะที่ 73% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหามีแนวโน้มจะสัมภาษณ์ผู้สมัครที่เรซูเม่ดูน่าสนใจและอ่านง่าย
เพราะฉะนั้นการแนบลิงก์เว็บไซต์หางานทั่วไป เช่น ThaiJob หรือ Portfolio ลงในเรซูเม่จะช่วยให้นายจ้างมองเห็นศักยภาพและผลงานของคุณได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกพิจารณาและได้งานมากขึ้นด้วย
2. เป้าหมายในการทำงาน (Career Objective) 🎯
เขียนให้สั้น กระชับ และตรงสายงาน
- ความยาว: 2–3 บรรทัด
- เนื้อหา: ระบุตำแหน่งงานที่ต้องการ และคุณค่าที่สามารถสร้างให้องค์กร
- ข้อควรระวัง: อย่าเขียนกว้าง ๆ เช่น “อยากทำงานในบริษัทดี ๆ”
72% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหางาน ระบุว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะจ้างผู้สมัครที่สรุปทักษะและประสบการณ์ได้อย่างชัดเจน การระบุเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและตรงกับตำแหน่งงานจึงช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการสัมภาษณ์อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน 37% ของผู้สรรหางาน กล่าวว่าพวกเขามองหา “เป้าหมายในการทำงาน” (Career Objective) ในเรซูเม่
ตัวอย่างการเขียน Career Objective: ต้องการทำงานตำแหน่ง Content Creator ใช้ทักษะการเขียนและวางกลยุทธ์คอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์
3. ประวัติการศึกษา (Education) 🎓
ระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงาน
- ระบุระดับการศึกษาสูงสุดหรือคณะ/สาขาที่เกี่ยวข้อง
- ใส่ GPA เฉพาะกรณีโดดเด่น (3.50+ หรือได้รับทุน/เกียรตินิยม) สามารถใส่รางวัลหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงาน
- ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการใส่ GPA ที่ต่ำกว่า 3.00 หรือไม่โดดเด่น เพราะอาจทำให้ผู้สรรหาจดจ่อกับตัวเลขนั้นมากกว่าที่จะสนใจทักษะ ประสบการณ์ หรือผลงานจริงของคุณ แทนที่จะใส่ GPA ต่ำ คุณสามารถเน้น ผลงาน โครงการ หรือใบรับรองที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้เรซูเม่ของคุณได้มากกว่า
4. ประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) 💼
- โชว์ความสามารถและผลลัพธ์ที่จับต้องได้
- ระบุตำแหน่ง, ชื่อบริษัท, ช่วงเวลาทำงาน
- เขียนหน้าที่และผลงานที่วัดผลได้ เช่น “เพิ่มยอดขาย 20% ภายใน 3 เดือน” ดีกว่า “ขายสินค้าให้ลูกค้า”
86% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหา ระบุว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะจ้างผู้สมัครที่ระบุความสำเร็จที่วัดผลได้ในเรซูเม่ ขณะที่ 50% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหากล่าวว่าพวกเขามองหาประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ดังนั้นการเพิ่มตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์เพื่อแสดงผลลัพธ์ในเรซูเม่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการสัมภาษณ์ได้ถึง 40%
นอกจากนี้การใส่ข้อมูลการใช้ตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ในส่วนประสบการณ์ทำงาน ช่วยแสดงความสำเร็จอย่างชัดเจนและวัดผลได้ พร้อมเน้นทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานเพื่อแสดงว่าคุณมีความสามารถตรงตามความต้องการ หากยังไม่มีประสบการณ์ทำงานสามารถใส่ประสบการณ์จาก ฝึกงาน งานพาร์ทไทม์ โครงการ หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นและศักยภาพของคุณ
5. ทักษะ (Skills) 🛠️
แบ่งเป็น Hard Skills และ Soft Skills
- Hard Skills: โปรแกรม, เครื่องมือ, เทคนิคเฉพาะงาน เช่น Excel, Power BI, Graphic Design, Coding
- Soft Skills: การสื่อสาร, ทำงานเป็นทีม, แก้ปัญหา, การจัดการเวลา
- Tip: เลือกเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร
91% ของผู้สรรหางาน กล่าวว่าพวกเขาชอบเห็นทักษะซอฟต์ในเรซูเม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทักษะเหล่านี้มีความสำคัญมากในการพิจารณาผู้สมัคร ขณะเดียวกัน 92% ของผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล ระบุว่าทักษะซอฟต์มีความสำคัญเท่ากับหรือมากกว่าทักษะฮาร์ด แสดงให้เห็นว่าทักษะด้านพฤติกรรมและการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในที่ทำงาน
นอกจากนี้ 55% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหา กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มจะจ้างผู้สมัครที่มีทักษะซอฟต์โดดเด่น แม้ว่าผู้สมัครคนนั้นอาจขาดทักษะฮาร์ดบางอย่าง ทำให้เห็นว่าผู้ที่มีทักษะทางสังคมและการสื่อสารดี มีโอกาสได้รับการพิจารณาสูง
ตามรายงานของ World Economic Forum ทักษะซอฟต์ที่สอดคล้องกับความต้องการของปี 2025 ได้แก่
- Analytical Thinking & Innovation (การคิดวิเคราะห์และสร้างนวัตกรรม)
- AI Literacy / Data-driven Mindset (ความเข้าใจ AI และการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ)
- Adaptability & Resilience (ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง)
- Cross-cultural Communication (การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม)
การใส่ทักษะเหล่านี้ในเรซูเม่อย่างสมจริง โดยเชื่อมโยงกับตัวอย่างผลงานที่วัดผลได้จริง จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและน้ำหนักให้เรซูเม่ของคุณ ทำให้นายจ้างเห็นศักยภาพของคุณชัดเจนมากขึ้น
6. ผลงานหรือโปรเจกต์ (Achievements / Portfolio) 💡
ช่วยยืนยันความสามารถและประสบการณ์
- ใส่ลิงก์ผลงาน เช่น Google Drive, Behance, GitHub
- หรือ Bullet point สั้น ๆ ของผลงานเด่น
59% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหา กล่าวว่าพวกเขาชื่นชอบเรซูเม่ที่มีผลงานหรือพอร์ตโฟลิโอ เพราะช่วยให้เห็นความสามารถและประสบการณ์ของผู้สมัครได้ชัดเจนขึ้น
ขณะเดียวกัน 80% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหา ระบุว่าพวกเขาใช้เวลาไม่เกิน 3 นาทีในการตรวจสอบพอร์ตโฟลิโอ ดังนั้นการนำเสนอผลงานที่ชัดเจนและตรงประเด็นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดความสนใจ
นอกจากนี้ 93% ของนายจ้างให้ความสำคัญกับเรซูเม่และผลงานที่สามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์ แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการใช้พอร์ตโฟลิโอออนไลน์ในการพิจารณาผู้สมัคร
7. รางวัล / กิจกรรมพิเศษ (Awards / Activities) 🏆
แสดงให้เห็นความสามารถและความเป็นผู้นำ
- ถ้ามีรางวัลแข่งขันหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงาน
- เลือกใส่รางวัลหรือกิจกรรมที่โดดเด่น พร้อมทั้งอธิบายบทบาท ความรับผิดชอบ และทักษะที่ได้เรียนรู้อย่างชัดเจน
- ตัวอย่าง: “ชนะเลิศ Hackathon 2024” หรือ “หัวหน้าทีมโครงการ CSR มหาวิทยาลัย”
77% ของผู้จัดการฝ่ายสรรหา ระบุว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน เช่น การฝึกงาน การเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการทำงานพาร์ทไทม์ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการใส่กิจกรรมเหล่านี้ในเรซูเม่
นอกจากนี้การมีส่วนร่วมในกิจกรรมพิเศษ เช่น การเป็นผู้นำชมรม หรือเข้าร่วมโครงการอาสาสมัคร ยังช่วยแสดงให้เห็นถึงทักษะความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม และความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหาในตัวผู้สมัคร
8. ข้อมูลเพิ่มเติม (ถ้ามี) 📜
เพิ่มโอกาสให้เรซูเม่โดดเด่น
- ความสามารถด้านภาษา: TOEIC, IELTS, JLPT
- ใบรับรองวิชาชีพ (Certification) เช่น Google Analytics, PMP, Microsoft Office Specialist
- ตัวอย่าง:
- ภาษา: อังกฤษ (TOEIC 870)
- ใบรับรอง: Google Analytics Certified, Adobe Certified Expert
- ภาษา: อังกฤษ (TOEIC 870)
94% ของผู้จัดการฝ่ายการเงินระดับสูง ระบุว่า หากทุกอย่างเท่ากัน พวกเขามีแนวโน้มที่จะจ้างผู้สมัครที่มีใบรับรองวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง มากกว่าผู้สมัครที่ไม่มี และการมีใบรับรองดังกล่าวสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับการจ้างงานได้ถึง 25%
ดังนั้นการใส่ข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมในเว็บไซต์หางานทั่วไป อย่าง ThaiJob ลงในเรซูเม่ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้สมัครโดดเด่นและมีโอกาสได้งานมากขึ้น เพราะในยุคที่การแข่งขันในการหางานสูง ใครมีแต้มต่อมากกว่า โอกาสก็จะตกเป็นของคนนั้นทันที
🔥 5 เทคนิคเสริมเขียนเรซูเม่ ปี 2025 ให้ HR ต้องหยุดอ่าน
1. ใช้ Keywords 🔑 ให้ตรงกับ Job Description 📝
- ปัจจุบันหลายบริษัทใช้ AI Resume Screening / Applicant Tracking System (ATS) กรองเรซูเม่ก่อนถึงมือ HR
- ถ้า Job Description เขียนว่า “Social Media Strategy” แต่คุณใส่แค่ “Online Marketing” ระบบอาจไม่จับคู่ให้ ดังนั้น คัดคำสำคัญจาก JD (Job Description) มาใส่ในเรซูเม่ (แต่ต้องใส่จริง ไม่หลอก)
2. ปรับเรซูเม่เป็น “รุ่นยืดหยุ่น” 💾
เรซูเม่รุ่นยืดหยุ่น หมายถึงเรซูเม่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามตำแหน่งงานและความต้องการของนายจ้าง ไม่ยึดติดรูปแบบเดิม ๆ แต่เน้นเนื้อหาและทักษะที่ตรงกับงานและสร้างผลลัพธ์ได้จริง
- ทำไว้ 2 แบบ:
- ATS-Friendly (ไฟล์ PDF / Word ธรรมดา) ใช้ส่งสมัครผ่านระบบออนไลน์
- Creative Resume (Infographic / Design) ใช้เวลาแนบส่งตรงอีเมล หรือใช้ตอนเน้นตำแหน่งสายครีเอทีฟ
- ATS-Friendly (ไฟล์ PDF / Word ธรรมดา) ใช้ส่งสมัครผ่านระบบออนไลน์
3. ใช้ AI Tools ช่วยปรับเรซูเม่ 🤖
- ปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง ChatGPT, Kickresume, Rezi, Jobscan ที่ช่วยปรับเรซูเม่ให้ตรงกับ Job Description
- แต่ต้องตรวจแก้เองเสมอ อย่าก๊อปวางตรง ๆ เพราะ HR จะตรวจสอบได้ว่าภาษาดู
“ไม่ใช่คุณ”
4. ย่อเรซูเม่ให้กระชับ อ่านง่ายใน 6–10 วินาที 📄
เพราะ HR ใช้เวลาเฉลี่ยไม่ถึง 10 วินาทีคัดกรองครั้งแรก
- ใช้ Bullet Point และ เว้นขอบ วาง Layout โล่ง ๆ
- ฟอนต์ชัด อ่านง่าย (เช่น Calibri, Helvetica, Sarabun สำหรับเรซูเม่ภาษาไทย และ Calibri, Arial, Times New Roman, Verdana สำหรับเรซูเม่ภาษาอังกฤษ)
5. เพิ่ม “Personal Branding” สั้น ๆ 🧑💼🌟
- HR ในปี 2025 ให้ความสำคัญกับ Character และ Culture Fit
- เขียน Tagline สั้น ๆ ใต้ชื่อ เช่น
“Content Creator | Data-driven Storyteller | Passionate about Digital Growth” - ช่วยให้เรซูเม่ไม่เป็นเพียงแค่กระดาษข้อมูล แต่สะท้อนตัวตน
การเขียนเรซูเม่ให้โดนใจนายจ้าง ไม่ใช่แค่การบอกเล่าประวัติ แต่คือการสื่อสาร “คุณค่า” และ “ศักยภาพ” ของคุณอย่างชัดเจน ตั้งแต่การเลือกฟอนต์ที่อ่านง่าย การเน้นทักษะและผลงานที่วัดผลได้ ไปจนถึงการใส่รายละเอียดเพิ่มเติมอย่างภาษาและใบรับรองวิชาชีพ เมื่อจัดเรียงข้อมูลอย่างเป็นระบบแล้ว นำไปใช้สมัครงานผ่านเว็บไซต์หางานทั่วไป อย่าง ThaiJob ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่นเหนือคู่แข่ง และทำให้นายจ้างจดจำคุณได้ทันทีในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง
ผู้เขียน: นางสาวมนต์นภา วังชนะกุล (Monnapha Wangchanakul)